ประกันชั้น 2+ กับ 2 คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง ต่างกับประกันชั้น 1 ยังไง

หลายๆคนที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่านบทความนี้ น่าจะยังสับสนอยู่ ระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ 2+ ว่าต่างกันยังไง ใช่ตัวเดียวกันมั้ย แล้วการที่เราไม่ได้ทำประกันรถชั้น 1 จะโดนตัดความคุ้มครองอะไรออกไปบ้าง รถของเราจะยังได้รับความคุ้มครองมั้ย หรือ ประกันจะช่วยจ่ายค่าซ่อมรถของเรามากน้อยแค่ไหน ด้วยเงื่อนไขอะไรบ้าง วันนี้ผมจะมาตอบทุกคำถามให้ทุกๆคนหายสงสัยกันครับ

ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง?

แบบสั้นๆ

ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองรถเรา กรณีที่ชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนฟุตบาท ชนกำแพง ชนเสาไฟฟ้า

ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองปกติ (ซ่อมรถให้เราและคู่กรณี) กรณีที่ชนกับรถหรือมอเตอร์ไซค์ *ยานพาหนะทางบก โดยจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็ได้

ประกันชั้น 2+ คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ด้วย

แบบยาวๆ

ความคุ้มครองรถของเรา ของประกันชั้น 2+ (ซ่อมรถให้เรา)

  • คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณี (รถชนรถ)
  • คุ้มครองกรณีรถหายไฟไหม้

ความคุ้มครองทรัพย์สินคนอื่น ของประกันชั้น 2+

  • คุ้มครองทรัพย์สินที่เราไปชนให้เกิดความเสียหายทุกอย่าง

ความคุ้มครองคน ของประกันชั้น 2+

  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิตคนภายในรถ
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิตคนภายนอกรถ

ความคุ้มครองอื่นๆ ของประกันชั้น 2+

  • คุ้มครองค่าประกันตัวกรณีเกิดคดีอาญา

ประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 2 คืออะไร ต่างกันยังไง?

ต้องเล่าให้ทุกๆคนฟังก่อนนะครับว่า ประกันรถยนต์ทั้งหมดที่ตอนนี้นิยม และมีวางขายอยู่ในตลาด มี 5 แบบ หรือ 5 ชั้นประกัน โดยถ้าเรียงตามลำดับความนิยมและความคุ้มครองจากมากไปน้อยจะเป็นแบบนี้ครับ

  • ประกันรถยนต์ชั้น 1
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2+
  • ประกันรถยนต์ชั้น 3+
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2
  • ประกันรถยนต์ชั้น 3
ความคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละชั้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 2 ที่ทุกๆคนถามหา หรือเสิร์ชหากันก็คงหมายถึง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั่นแหละครับ ซึ่งประกันชั้น 2 และ 2+ มีความคุ้มครองต่างกันมากพอสมควรอยู่นะครับ โดยสรุปง่ายๆก็คือ

ประกันรถยนต์ชั้น 2

ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะคุ้มครองรถของเรา เฉพาะกรณีรถหายหรือไฟไหม้เท่านั้น ครับ ถ้าเกิดอุบัติเหตุชนฟุตบาท ชนต้นไม้ หรือชนรถยนต์คันอื่น ประกันจะไม่ซ่อมรถให้เราเลยครับ (แต่ยังซ่อมรถคู่กรณีหรือทรัพย์สินที่เราไปก่อให้เกิดความเสียหายให้อยู่นะครับ)
ส่วนของความคุ้มครองบุคคลภายนอก บุคคลภายในรถ ค่ารักษาพยาบาล และส่วนของทรัพย์สินของบุคคลอื่น เช่น ขับไปชนคน หรือขับไปชนเสาไฟฟ้าแล้วต้องชดใช้ความเสียหาย ประกันทุกๆชั้นจะมีความคุ้มครองส่วนนี้ให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้วนะครับ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะคุ้มครองรถเรา กรณีรถหายหรือไฟไหม้ + กรณีที่เราเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ ครับ โดยถ้าอุบัติเหตุนั้นๆมีคู่กรณีเป็นรถยนต์ หรือ ยานพาหนะทางบก (รวมมอเตอร์ไซค์ด้วยนะครับ) ประกันชั้น 2+ จะซ่อมให้ทั้งรถเราและรถคู่กรณีเลยครับ เหมือนกับความคุ้มครองของประกันชั้น 1 เลยหล่ะครับ!

*ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองถ้าหากไม่มีคู่กรณี เช่น ไม่คุ้มครองกรณีเราชนฟุตบาท ชนต้นไม้ หรือชนสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบกนะครับ

เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์

รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ

ประกันชั้น 2+ กับ ประกันชั้น 1 ต่างกันยังไง?

หลายๆคนก็คงยังมีความกังวลว่าจะเปลี่ยนประกันรถยนต์จากชั้น 1 ไปเป็น ประกันรถชั้น 2+ จะดีกว่ามั้ย แล้วจะเสียความคุ้มครองอะไรไปบ้าง ตามนี้เลยครับ

*ความเชื่อที่หลายๆคนยังเข้าใจผิดคือ ถ้าหากรถเราเปลี่ยนไปทำประกันชั้น 2+ แล้วจะกลับมาทำชั้น 1 ไม่ได้ เรื่องนี้ ไม่จริง นะครับ เพราะประกันชั้น 1 รถที่ทำได้จะถูกกำหนดไว้ด้วยปีรถ ที่ประมาณ 7-10 ปี ถ้าหากอายุรถเกินกว่านั้นก็อาจจะต้องไปทำ 2+ แทนครับ

ประกันรถยนต์ชั้น 1

อย่างที่ทราบครับ ประกันชั้น 1 คุ้มครองอุบัติเหตุทุกอย่าง ทุกรณีอยู่แล้ว ไม่ว่ารถเราจะชนกับอะไรก็ตาม รถหาย หรือไฟไหม้ ก็อยู่ในความคุ้มครองครบทั้งหมด

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

จะมีความคุ้มครองแตกต่างจากประกันชั้น 1 อย่างเดียวครับ คือ ถ้าหากเราชนกำแพง ชนต้นไม้ หรือ ชนฟุตบาท หรือชนอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบก(รถยนต์ มอเตอร์ไซค์) ประกันชั้น 2+ จะไม่ซ่อมรถให้เรานั่นเอง ต่างกันเท่านี้ครับ ความคุ้มครองที่เหลือจะเหมือนชั้น 1 ทุกอย่างครับ

ข้อดี ประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีราคาที่ถูกกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 เกือบจะเท่าตัวเลยครับ

จากตัวอย่างของบริษัท วิริยะประกันภัย ด้านล่าง

ประกันรถยนต์ชั้น 1 วิริยะประกันภัย
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ วิริยะประกันภัย

ข้อมูลจากเว็บเปรียบเทียบประกันรถยนต์ Priceza Money

ข้อเสีย ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไม่เหมาะกับคนที่ชนแบบไม่มีคู่กรณีบ่อยๆ เพราะหากเกิดเหตุจะไม่คุ้มครองนั่นเองครับ ส่วนเรื่องทุนประกันเริ่มต้น 100,000 ของประกันชั้น 2+ ขอไม่นับเป็นข้อเสียนะครับ เนื่องจากตัวทุนประกันเองสามารถเลือกเพิ่มเป็น 300,000 – 400,000 ได้ครับ แต่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นมาเหมือนกันครับ

ตามตัวอย่าง ด้านล่างนี้เลยครับ

ประกันชั้น 2+ ทุน 100,000 บาท
ประกันชั้น 2+ ทุน 200,000 บาท
ประกันชั้น 2+ ทุน 300,000 บาท
ประกันชั้น 2+ ทุน 400,000 บาท

ข้อมูลจากเว็บเปรียบเทียบประกันรถยนต์ Priceza Money

ประกันชั้น 2+ ที่ไหนดี?

ต่อจากตรงนี้ ผมขอใช้ความรู้สึกส่วนตัวแนะนำทุกๆคนนะครับ จึงอยากแนะนำให้ใช้วิจารณญาณในการเชื่อ และศึกษาจากหลายๆแหล่งเพิ่มเติมด้วยนะครับ

สำหรับประกันชั้น 2+ เวลาเราเลือกบริษัทประกันที่จะทำ จะไม่เหมือนกับประกันชั้น 1 เนื่องจาก เวลาเราทำประกันชั้น 1 ราคาเบี้ยของแต่ละบริษัทค่อนข้างแตกต่างกันมากๆ เป็นหลัก 4,000 – 6,000 ก็มี จึงอาจจะต้องเปรียบเทียบในหลายๆแง่มุม แต่ในส่วนของประกันชั้น 2+ นั้น ราคาเบี้ยของแต่ละบริษัทประกันนั้น ไม่แตกต่างกันมาก ลองเช็คเบี้ยดูได้ที่นี่ ผมจึงอยากแนะนำให้เลือกบริษัทประกันที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงที่ดีก่อนจะคิดถึงเรื่องราคาเบี้ย เนื่องจากประกันชั้น 2+ มีเงื่อนไขที่ละเอียดอ่อน ถ้าหากโชคร้ายไปเจอบริษัทที่ลูกเล่นเยอะ อาจจะมีปัญหาเรื่องการเคลมได้ เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน ไม่คุ้มกับราคาที่ถูกกว่าเพียงหลักร้อยหรอกครับ

สรุป

เมื่อถึงช่วงเวลานึง รถใช้นานๆเข้าเกิน 10-12 ปี หรือ ถ้าเราไม่ต้องการความคุ้มครองจัดเต็มที่เกินความจำเป็นแบบประกันชั้น 1 แล้ว เราก็อาจจะต้องลองมองหาประกันที่เหมาะสมกับเรามากขึ้นนอกจากประกันชั้น 1 ซึ่งประกันชั้น 2+ ก็สามารถที่จะเลือกทำได้จนถึงวันที่มูลค่ารถของเราต่ำกว่า 100,000 บาท จึงเป็นตัวเลือกที่ทุกคนน่าจะลองศึกษาและพิจารณาไว้เป็นตัวเลือก ก็อาจจะช่วยทุกๆคนประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกหลายพันบาทกันเลยทีเดียวนะครับ

ยังไงก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยทุกๆคนให้สามารถตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้นะครับ

ลองเข้าไปอ่านบทความอื่นๆได้นะครับ

Share:

Facebook

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *